-Feel Good Factor

                                                              

                การเซ็นสัญญา โรนัลดินโญ่ โดยเอซี มิลาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาสามารถ ตอบโจทย์ ทางฟุตบอลอย่างน้อย 4 ประการด้วยกัน:

                1.ความตั้งใจของทีมปิศาจแดงดำในการสร้างความ พอใจ ให้แฟน ๆ และก็ยังแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในระดับหนึ่งในความพยายามเสริมทีมในซีซั่นใหม่นี้

                เพราะนอกจากเจ้าเหยินแล้ว มิลานยังเติมทัพด้วย จิอันลูก้า ซัมบร็อตต้า, แมธิว ฟลามินี่ และมาร์โก้ บอร์ริเอลโร่ มาแล้วก่อนหน้านี้

                2.แต่ทั้งหมดก็ยังทาบไม่ได้กับโรนัลดินโญ่ ณ.วัย 28 ปีเจ้าของค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ที่จะเดินทางมาพร้อมกับความรู้สึกที่เรียกว่า Feel good factor

                หรือความรู้สึกดี ๆ ที่จะช่วยฉุดบรรยากาศทั้งมวลในซานซีโร่ได้เลย

                แน่นอนครับว่า มุมมองแรก หลายคนปรามาส และดูถูก น้ำยา อดีตนักเตะยอดเยี่ยมของโลก และยุโรปหลายตำแหน่งรายนี้ไปแล้ว เพราะผลงานซีซั่นที่แล้วไม่ “Productive” หรือก็คือ ไม่มีผลงาน

                แต่อีกมุม…ผมเชื่อว่า โรนัลดินโญ่ยังมีประโยชน์อยู่มาก และหากเค้ามีความอยากเล่นฟุตบอล + ลงสนามด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

                ประโยชน์ย่อมจะตกอยู่กับทีมเอซี มิลาน แน่นอน และใครจะรู้ล่ะครับว่า 3 ประสานบราซิล: กาก้า, ปาโต้ และดินโญ่ อาจสร้างปรากฏการณ์ได้เหมือนกับ 3 ทหารเสือดัตช์: ฮุลลิท, ไรจ์การ์ด และฟาน บาสเท่น ในยุค 90s ก็ได้

                หรือเหมือนมัทเธอุส, คลิ้นส์มันน์ และเบรเมห์ ตอนอยู่อินเตอร์ มิลาน ยุคที่โดดเด่นมากในช่วงพีคการค้าแข้งของทั้ง 3 คน

                ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าอาจจะไม่ง่ายที่มิลานยุค 3 แข้งแซมบาจะประสบความสำเร็จได้สั่นสะเทือนเหมือนยุค 3 ทหารเสือข้างต้น เพราะอย่างน้อยอินเตอร์ก็ตัวดีกว่า และมีกุนซือระดับโจเซ่ มูรินโญ่ คุมบังเหียนอยู่

                แต่ผมมั่นใจว่า มิลานจะกลายเป็นทีมที่มี เสน่ห์ มากที่สุดในกัลโช่ ซีรีอา ฤดูกาลนี้ครับ

                3.การตัดสินใจมาอิตาลีของโรนัลดินโญ่ยังเท่ากับการ ปฏิเสธ ทีมแมนฯซิตี้อย่างเป็นทางการเช่นกัน เพราะใคร ๆ ก็ทราบว่า นักเตะเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลก ฟีฟ่า 2 สมัย, เวิลด์ซอคเกอร์ 2 สมัย (2004, 2005 เหมือนกัน) และบัลลงดอร์ 2005 เป็นที่ต้องการของทีมเรือใบสีฟ้า

                4.ข่าวการย้ายทีมช่วงที่ผ่านมาประมาณ 1 สัปดาห์นั้น แห้งแล้ง เหลือเกินครับ ดังนั้นทันทีที่ ดีล จากบาร์ซ่าสู่มิลานนี้ ถูกล้ม ซะที ผมก็เชื่อว่า ดีลอื่น ๆ จะโป้งป้างตามมาบ้าง หรือไม่ก็ทำให้แฟน ๆ อดใจรอได้ต่อไปอีกนิด เพราะได้ดีลนี้เป็นน้ำทิพย์ชโลมใจแล้ว

                โดยระหว่างที่ผมปั่นงานนี้อยู่ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ก็เตรียมเป็นสาวกเลือดหมู/น้ำเงิน  บาร์เซโลน่า เต็มตัวแล้วเช่นกันหลังทั้งตรวจร่างกาย และผ่านข้อตกลงทุกอย่างระหว่าง 2 สโมสรหมดแล้ว

                เช่นกัน วันพุธกลางคืนแบบนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่า แมนฯยูฯพร้อมคุยกับเรอัล มาดริด หากราคาการซื้อ/ขายโรนัลโด้สามารถออกสตาร์ตได้ที่ 67.5 ล้านปอนด์ (เดลี เทเรกราฟ)

                เมื่อเป็นดังนี้ก็เท่ากับว่า โรนัลโด้ไม่ได้เป็นนักเตะ not for sale อีกต่อไป (อย่างเป็นทางการ) และก็เป็นเหมือนกับนักเตะทุกคนที่ล้วนมี ค่าหัว

                เฉพาะอย่างยิ่งหาก ใจ ไม่อยู่กับทีมแบบนี้ การรีบหา คำตอบร่วม ให้ได้จึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

                เพราะผมเองก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่า ความเป็นมืออาชีพ แบบฝรั่งตะวันตกจะช่วยได้แค่ไหนในสถานการณ์เชือกขาดสะบั้นไปแล้วแบบนี้

                แกเร็ธ แบร์รี ที่สุดท้ายถูกเรียกตัวเข้าซ้อมเมื่อวันพุธเช่นกันจะ ปฏิบัติตัว อย่างไร? หรือมาร์ติน โอนีล จะพูดอะไรกับกัปตันทีมรายนี้ในเมื่อก่อนหน้านี้มี ถ้อยคำ ไม่ดีระหว่างทั้งคู่เกิดขึ้น

                ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกวัย 30 ปีก็เช่นกันที่ไป ๆ มา ๆ น่าจะ ลงเอย อยู่ทีมเก่า เชลซี เพราะค่าหัวไม่คู่ควรกับอายุ และเอเยนต์ของเค้าก็บอกแล้วว่า เดอะ ดร็อก ยังมีเวลาอีกประมาณ 10 วันในการตัดสินใจ

                สถานการณ์ลักษณะนี้…แน่นอนว่าไม่ใช่ “Feel Good Factor” และต้องอาศัยเวลาในการเยียวยาที่ก็ไม่รู้ว่า จะสายเกินไปหรือเปล่า?

                เรื่องแบบนี้จึงต้องเป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์ อย่างมากเฉพาะอย่างยิ่งในแง่การบริหารคนที่กุนซือจะต้องเก่งกาจมาก ๆ เพราะความละเอียดอ่อนนั้นมีสูง

                เขียนถึงตรงนี้ ผมมองว่า กรณีแกเร็ธ แบร์รี เป็นกรณีที่ ยากที่สุด และน่าเห็นใจที่สุด เพราะ เหตุผล การย้ายของแบร์รีนั้นเป็นโจทย์ที่ยากกว่า + แตกต่างคนอื่น

                คนอื่น ๆ อาจต้องการย้ายเพราะ เงิน หรือแสวงหาความ ท้าทาย ใหม่ ๆ (ต่างแดนเป็นหลัก) แต่แบร์รีนั้นชัดเจนว่า มันคือความต้องการย้ายไปสู่ทีมที่ดีกว่า และเพื่อโอกาส ก้าวหน้ากว่าในอนาคตการเล่นฟุตบอล

                ผมมองว่า วิลล่า โหด เกินไปกับการโก่งราคาค่าตัวนักเตะที่เซอร์วิสสโมสรด้วยความจงรักภักดีมายาวนาน และต้องการจากไปสู่สิ่งที่ดีกว่าด้วย สัญญาสุดท้าย ในการย้ายทีม เพราะอายุ 27 ปีนั้นจะยากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบเป็นศูนย์กับโอกาสแบบนี้ที่ลิเวอร์พูลสนใจ

                ไม่เกิน 15 ล้านปอนด์ น่าจะเป็นตัวเลขที่ น่าเคาะ ที่สุดนะครับ

                และก็เพื่อ Feel Good Factor ด้วยเช่นกัน

                                                                ———————————————-

 

  1. ยังไม่มีความเห็น
  1. No trackbacks yet.

ใส่ความเห็น